เปิดเทคนิคในการซื้อบ้านมือสองไม่ถูกหลอก

BY Kittipong Kongthanarung

เปิดเทคนิคในการซื้อบ้านมือสองไม่ถูกหลอก

วันนี้ทาง Bridge estate จะมาแนะนำแนวทางทั้งหมด 6 ข้อสำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อบ้านมือสองว่าควรทำอย่างไรบ้างไม่ให้ถูกหลอกจะมีอะไรกันบ้าง

ลองไปดูกันเลย

1. รู้เหตุผลที่แท้จริงในการขายบ้าน

สิ่งแรกที่ทุกคนควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมือสองและคอนโดมือสอง คือเหตุผลในการประกาศขายของเจ้าของเดิม เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจและต่อรองราคา เนื่องจากบางสาเหตุอาจส่งผลกระทบในอนาคตได้ เช่น ขายบ้านเนื่องจากมีภาระหนี้สิน หรือถูกเจ้าหนี้บังคับขาย หรือขายเพราะปัญหาเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้าน

2. เช็กสภาพบ้านให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ

ผู้ซื้อควรสังเกตรายละเอียดโครงสร้างบ้านและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ประกอบด้วยเช่นกัน เนื่องจากเจ้าของเดิมอาจจงใจไม่แจ้งปัญหาด้านโครงสร้างหรือการใช้งานอื่น ๆ ให้ผู้ซื้อทราบ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกดราคาก็เป็นได้ เช่น พื้นดินรอบบ้านหรือรั้วทรุดตัว เสาหรือคานมีรอยแตกร้าวลึก

หากพบปัญหาเหล่านี้ ผู้ซื้อควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายในการแก้ไข ก่อนตกลงต่อรองเรื่องราคากับเจ้าของเดิมอีกครั้ง

3. ตรวจสอบกรรมสิทธิ์ของบ้าน/คอนโด

อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญคือการตรวจสอบให้ละเอียดว่าโฉนดที่ดินหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่จะซื้อนั้นถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากโฉนดที่ผู้ขายนำมาให้อาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือมีการปลอมแปลง หรือถูกอายัดตามกฎหมาย

ผู้ซื้อจึงควรตรวจสอบรายละเอียดว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงก่อน เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้ประกาศขายไม่ใช่เจ้าของบ้านตัวจริง แล้วแอบอ้างขายบ้านมือสองของผู้อื่น ซึ่งหากได้ตกลงทำการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว จะทำให้ผู้ซื้อเกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้

ในกรณีที่จำเป็นต้องตกลงซื้อขายกับผู้อื่น เช่น ญาติของเจ้าของเดิม จะต้องให้ผู้ขายนั้นแสดงหลักฐานใบมอบอำนาจพร้อมหลักฐานประกอบอื่น ๆ ที่ชัดเจนก่อนเสมอ

4. ใบปลอดหนี้ สิ่งจำเป็นในการซื้อขาย

ใบปลอดหนี้ คือเอกสารที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินค่าส่วนกลางในการอยู่อาศัยในคอนโด หากขาดเอกสารนี้จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินได้ โดยผู้ขายต้องเป็นผู้ดำเนินการขอเอกสารนี้ที่สำนักงานนิติบุคคล เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายค้างชำระ (ถ้ามี)

ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ซื้อควรตรวจสอบให้ดีว่าเจ้าของเดิมค้างจ่ายค่าส่วนกลางหรือมีหนี้ค้างอื่นกับทางนิติบุคคลหรือไม่ และแจ้งให้ผู้ขายจัดการเคลียร์หนี้ค้างให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้เอง

5. ตกลงรายละเอียดสัญญา และค่าใช้จ่ายวันโอน

เมื่อได้บ้านที่ถูกใจแล้ว ผู้ซื้อควรติดต่อผู้ขายเพื่อตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายให้ชัดเจน โดยควรระบุราคาที่ตกลงซื้อขาย รวมถึงค่ามัดจำ และระยะเวลาที่ต้องชำระส่วนที่เหลือให้ชัดเจน

หากผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินส่วนที่เหลือได้ภายในกำหนด ผู้ขายก็จะมีสิทธิ์ยึดเงินมัดจำเช่นกัน ซึ่งเมื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายเรียบร้อยแล้ว ผู้ขายจะต้องให้สำเนาโฉนดที่ดินหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพื่อใช้เป็นเอกสารในการดำเนินการยื่นกู้กับสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ ในสัญญาจะซื้อจะขายต้องระบุรายละเอียดในเรื่องค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ให้ชัดเจนว่า ฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง หรือตกลงแบ่งจ่ายกันอย่างไร หลัก ๆ แล้วผู้ซื้อจะมีค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ดังนี้

– ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาประเมินที่ดินหรือราคาซื้อขาย ส่วนใหญ่แบ่งจ่ายคนละครึ่งกับผู้ขาย (หากราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ค่าโอนกรรมสิทธิ์จะเหลือ 1%)

– ค่าจดจำนอง 1% ของยอดเงินกู้ทั้งหมด ในกรณีที่ขอยื่นกู้กับสถาบันการเงินเท่านั้น (หากราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ค่าจดจำนองจะเหลือ 0.01%)

– ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาซื้อขาย แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินที่ดิน

6. เลือกเอเจนต์ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นตัวช่วย

การซื้อบ้าน-คอนโดมือสองมีรายละเอียดที่แตกต่างไปจากการซื้อบ้านใหม่ไม่น้อย จึงอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ซื้อที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน การเลือกใช้บริการนายหน้าหรือเอเจนต์อสังหาฯ จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ นอกจากเอเจนต์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาฯ แล้วยังสามารถให้คำแนะนำ และอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยประหยัดเวลาของผู้ซื้อมือใหม่และทำให้ผู้ซื้อมั่นใจว่าบ้านที่ซื้อไปเป็นบ้านที่มีคุณภาพ

หากใครต้องการที่จะเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดมือสอง ลองติดต่อ Bridge Estate ดูได้นะครับ

คลิ๊ก : https://bit.ly/3Avrg16

Share This Article

Back to Archive

นโยบายความเป็นส่วนตัว

ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

วันที่:

1) เจ้าของข้อมูลผู้ให้ความยินยอม (นาย/นางสาว/นาง)

2) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SC) สำนักงานเลขที่ 1010 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900

3) วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยินยอมให้บริษัท บริดจ์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (“Bridge”) บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“SC”) และบริษัทในเครือ สามารถเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของเจ้าของข้อมูล รวมถึงข้อมูลรายได้สถานที่ติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ และ E-mail หรือ Line ID หรือข้อมูลอื่นใดที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้มอบและแจ้งไว้ต่อ Bridge, SC หรือบริษัทในเครือ เพื่อประกอบข้อมูลในการซื้อบ้าน,ที่ดิน,ห้องชุด และผลิตภัณฑ์อื่นใด รวมถึงการใช้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและบริการของ Bridge, SC หรือบริษัทในเครือ รวมตลอดถึงข้อมูลชีวภาพ ชีวมิติ เช่น ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว เสียง ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ความเชื่อส่วนบุคคล ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม หรือข้อมูลอื่นใดที่ Bridge, SC หรือบริษัทในเครือได้รับมาในทุกรูปแบบหรือบันทึกจากการสัมภาษณ์ด้วยวาจา หรือเจ้าของข้อมูลได้ให้ข้อมูลไว้ในแบบสอบถามหรือทางอิเล็คทรอนิกส์ให้สามารถเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ประมวลผลพัฒนาและใช้ในธุรกิจและบริการของ Bridge, SC หรือบริษัทในเครืออันอาจเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของข้อมูลและผู้บริโภคได้ โดย Bridge, SC หรือบริษัทในเครือ จะไม่นำข้อมูลไปเปิดเผยให้ต่อบุคคลอื่น เว้นแต่สถาบันการเงินที่เจ้าของข้อมูลประสงค์จะขอสินเชื่อหรือสถาบันการเงินอื่นใด เพื่อประโยชน์ต่อการขอสินเชื่อของเจ้าของข้อมูล และบริษัทคู่ค้าของ Bridge และ SC ที่ร่วมประกอบธุรกิจในการก่อสร้างตกแต่ง หรือให้บริการใดๆ ร่วมในธุรกิจของ Bridge, SC และบริษัทในเครือโดยยินยอมให้สถาบันการเงินหรือ บริษัทคู่ค้าของ Bridge และ SC สามารถติดต่อเจ้าของข้อมูลเพื่อการใดๆ ได้ตามวัตถุประสงค์ของสถาบันการเงินและบริษัทคู่ค้าของ Bridge และ SC รวมถึงการเสนอการให้บริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของสถาบันการเงินและบริษัทคู่ค้าของ Bridge และ SC รวมถึงการวิเคราะห์ วิจัยจัดทำข้อมูลทางสถิติเพื่อการปรับปรุงการพัฒนาผลิตภัณฑ์การบริการให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้รวมถึงการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังประเทศปลายทางเพื่อวัตถุประสงค์ที่กล่าวข้างต้นทั้งหมด หรือเป็นการเปิดเผย ตามอำนาจหมายศาล หรือที่กฎหมายกำหนดให้เปิดเผย

4) ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

Bridge, SC และบริษัทในเครือจะจัดเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตลอดระยะเวลาที่เจ้าของข้อมูล ยังคงเป็นสมาชิกผู้ซื้อบ้าน, ที่ดิน, ห้องชุด หรือผลิตภัณฑ์อื่นใด หรือใช้บริการในธุรกิจของ Bridge, SC หรือบริษัทในเครืออยู่หรือในกรณีอื่นๆจนกว่าเจ้าของข้อมูลจะถอนความยินยอม

5) การแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือถอนความยินยอม

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง หรือจะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้บริษัทรับทราบเป็นหนังสือหรือ E-mail: dataprivacy@scasset.com หรือโทรศัพท์แจ้งที่ Call Center เบอร์โทร. 1749
SC จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือถอนความยินยอมให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับแจ้ง โดยการถอนความยินยอม เจ้าของข้อมูลจะมีผลกระทบต่อการใช้บริการของ Bridge, SC และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องในทุกด้านที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้บริการอยู่ รวมถึงเจ้าของข้อมูลจะไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นสิทธิและประโยชน์ส่วนบุคคลของ Bridge, SC และ บริษัทในเครือ รวมถึงบริษัทคู่ค้าของ Bridge และ SC

6) ติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักตรวจสอบภายใน สำนักงานเลขที่ 1010 ชั้น P13 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 Email: dataprivacy@scasset.com

ยอมรับ

Privacy Overview

Necessary

Non-Necessary

เปิดเทคนิคในการซื้อบ้านมือสองไม่ถูกหลอก